ระบอบสฤษดิ์แล้วก็สมัยถนอม-ประภาส
มองเพิ่มเติมอีกที่: การก่อการกำเริบระบอบคอมมิวนิสต์ในประเทศไทย แล้วก็ เมืองไทยในการศึกเวียดนาม
มองรายละเอียดต่างๆนอกเหนือจากนี้ที่: สงครามกลางเมืองลาว และก็ วิกฤติการณ์มาลายา
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จฯ ยอดเยี่ยมจอมพลสฤษดิ์เป็นการส่วนพระองค์ในปี 2506 พระยาศรีวิสารถ้อยคำ (หุ่น ฮุนเชื้อสาย) องคมนตรี บอกว่า สฤษดิ์เป็นนายกฯที่สนิทสนมกับในหลวงสูงที่สุด
สนับสนุนบทความโดย pussy888
ข้างหลังรัฐประหารปี 2500 พล.อ. ถนอม คำเลื่องลือแพร่ เป็นนายกฯ แม้กระนั้นรัฐบาลถูกท้วงในสภาผู้แทนราษฎรอย่างมากจนกระทั่งไม่สามารถที่จะดำเนินการอย่างสบาย จอมพลฤษฎดิ์มีความคิดเห็นว่าความประพฤติของผู้แทนราษฎร สื่อมวลชนที่ขาดการควบคุม แล้วก็ข้อพิพาทแรงงานรวมทั้งการคัดค้านล้วนบั่นทอนประเทศ ในปี 2501 เขายกเลิกรัฐธรรมนูญแล้วก็บัญชาที่ประชุมเปลี่ยนแปลง รวมทั้งสั่งจับนักวิจารณ์รัฐบาลหลายร้อยคน เขาซ้ำเติมภาพความสะอาดและก็ความมีระเบียบเรียบร้อย โดยจัดแจงปัญหาอาชญากรรมอย่างเด็ดขาด สังคมไทยหลายภาคส่วนสารภาพหัวหน้าเบ็ดเสร็จแบบดังที่กล่าวมาข้างต้น เขายังแปลงจากความภักดีต่อเมืองและก็รัฐธรรมนูญมาเป็นความซื่อสัตย์ภักดีต่อพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งย่อมทำให้รัฐบาลในพระเจ้าแผ่นดินมีความเป็นธรรมตามไปด้วย เขาฟื้นฟูหน้าที่ทางด้านสังคมของสถาบันพระมหากษัตริย์ และก็ยังมานะสร้างความเป็นธรรมตามวิถีระบบประชาธิปไตยด้วยการดำเนินหลักการปรับปรุงต่างจังหวัด ผลักดันการลงทุนของเอกชนแล้วก็ฝรั่งเพื่อเลื่อนฐานะด้านเศรษฐกิจของประเทศ ข้างหลังกรรมวิธีปะเทดลาวซึ่งเป็นระบอบคอมมิวนิสต์เบาๆมีอำนาจมากขึ้นในลาว รัฐบาลเห็นด้วยกติกาของสหรัฐสำหรับการป้องกันไทย และก็ให้สหรัฐเข้ามาตั้งฐานทัพในประเทศ
ข้างหลังจอมพลสฤษฎิ์ตายในปี 2506 มีการตกทอดตำแหน่งผู้นำประเทศไปสู่สมัยถนอม-ประภาส เมืองไทยเข้าไปเกี่ยวเนื่องในการสู้รบเวียดนามมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ วัยบางทีอาจบอกว่าไม่ใช่ว่าเมืองไทยสละความเป็นกลางหรืออิสรภาพในแผนการต่างถิ่น แต่ว่าเมืองไทยใช้ประโยชน์จากความเชื่อมโยงกับสหรัฐเพื่อไปถึงเป้าหมายของตัวเองเป็นผูกสัมพันธ์กับข้างที่ไม่ใช่ลัทธิคอมมิวนิสต์ในลาวรวมทั้งเขมร รวมทั้งต้านอิทธิพลของเวียดนามในสองประเทศนี้ เมื่อรัฐบาลไทยรวมทั้งสหรัฐเข้าไปโต้กลับดำเนินการของเวียดนามในลาวและก็เขมร เวียดนามเหนือและก็จีนโต้ตอบด้วยการผลักดันและส่งเสริมการต้านรัฐบาลในประเทศไทย ระหว่างปี 2507–11 มีการส่งทหารอเมริกันเข้ามาในประเทศไทยโดยตลอดจนถึงมีข้าราชการเกือบจะ 45,000 คน มีเรือบินรบเกือบจะ 600 ลำ จนกระทั่งปี 2510 ไทยส่งกองทัพครบทั้งยังสามเหล่าทัพร่วมดำเนินการในเวียดนามใต้ โดยในปี 2512 มีทหารไทยในเวียดนาม 11,000 นายซึ่งคิดเป็นจำนวนร้อยละ 14 ของกำลังพลทั้งผอง ผลพวงของการเข้ามาของทหารอเมริกันนี้ยังแปลงความเชื่อมโยงของชาวไร่ชาวนาในต่างจังหวัด รวมทั้งผูกมิตรระหว่างผู้นำกองทัพกับนักธุรกิจชั้นนำเชื้อสายไทย-จีน คนหนุ่มคนสาวในต่างจังหวัดเข้าเมืองเพื่อหางานทำ รีบจังหวะด้านการศึกษาและก็การเข้าถึงสื่อมวลชน นอกเหนือจากนี้ เกษตรกรในบ้านนอกยังกำเนิดสำนึกเรื่องความลำเอียงนำมาซึ่งการก่อให้เกิดความรู้สึกว่าไม่ถูกใจรัฐบาล สิ้นปี 2507 เริ่มมีการก่อการกำเริบเสิบสานระบอบคอมมิวนิสต์เริ่มจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แล้วลุกลามไปภาคเหนือและก็ใต้
ในตอนเดียวกัน ปริมาณมวลชนไทยมากขึ้นอย่างก้าวกระโจน แล้วก็เศรษฐกิจของประเทศเริ่มเปลี่ยนแปลงจากทำการเกษตรมาเป็นอุตสาหกรรม ปริมาณคนหนุ่มคนสาวที่ได้รับการเล่าเรียนดีมีมากขึ้นนำมาซึ่งการขยายชนชั้นกลางที่เป็นฝูงคนกรุ๊ปใหญ่ของประเทศ ชนชั้นกลางกลุ่มนี้มีอัตลักษณ์ของตนโดยมีลักษณะอนุรักษนิยมด้านการเมือง พร้อมทั้งยึดมั่นค่าความนิยมที่ย้ำความอิสระอย่างตะวันตก การที่รัฐบาลเข้าไปมีอำนาจในหมู่บ้านต่างจังหวัดกระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดความไม่พึงพอใจ เนื่องจากราษฎรถูกทหารแล้วก็ตำรวจกดขี่ หรือถูกเจ้าหน้าที่รัฐฉ้อฉล มีการต้านรัฐบาลพร้อมกันไปกับการจัดการของสหภาพชาวไร่ชาวนารวมทั้งลูกจ้าง
ในปี 2511 ท่ามกลางแรงกดดันจากนิสิตในประเทศรวมทั้งสหรัฐ จอมพลถนอมก็เลยประกาศรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มีสภาผู้แทนราษฎรจากการเลือกตั้งคู่กับวุฒิสภาที่มาจากการแต่ง จอมพลถนอมชนะการเลือกตั้งในปี 2512 แล้วก็ได้ตั้งรัฐบาลอีกยุค แม้กระนั้นการขัดกันในที่ประชุม รวมทั้งเรื่องทางการเมืองที่เกิดขึ้นมาจากการลดหย่อนการจำกัดการแสดงออก ทำให้รัฐบาลตื่นภัยว่าบางทีอาจเป็นความล่มสลายของความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวในชาติ เหมือนกันกับฐานะของจอมพลถนอมแล้วก็ประภาสในกองทัพที่มีอนาคตไม่แน่นอน พ.ย. 2514 จอมพลถนอมยุบสภารวมทั้งยกเลิกพรรคการเมือง นำประเทศกลับสู่สมัยกองทัพครอบครองอีกที จอมพลถนอมใช้แนวทางสร้างหัวหน้าให้แข็งแกร่งที่เคยใช้ได้ผลมาก่อน แม้กระนั้นในตอนนั้นชนชั้นกลางแล้วก็ชาวไร่ชาวนาอยากส่วนแบ่งอำนาจทางด้านการเมืองเพิ่มมากขึ้น สถานะการณ์ในต.ค. 2516 ที่มีการจับตัวนิสิตที่แจกใบปลิวต้านรัฐบาล ทำให้มีการเคลื่อนขบวนใหญ่ที่มีผู้เข้าร่วมนับแสนคนภายในจังหวัดกรุงเทพมหานคร รัฐบาลใช้ความรุนแรงเข้าปราบจนกระทั่งมีคนเสียชีวิต 77 คน ท้ายที่สุดจอมพลถนอมรวมทั้งประภาสถูกบีบให้ลาออกจากหนีภัยออกนอกประเทศ
หน้าที่เข้าชม | 1,583,921 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 426,422 ครั้ง |
เปิดร้าน | 5 ส.ค. 2560 |
ร้านค้าอัพเดท | 28 ส.ค. 2568 |